แถบเครื่องนี้ช่วยให้ในการวาดเส้น
Trend Lines และการเพิ่มข้อความลงบนกราฟ
ซึ่งประกอบด้วย
1.
Freehand Trend Line
ใช้สำหรับการวาดเส้น
Trend Line โดยคลิกเมาส์ค้างที่จุดเริ่มต้นแล้วลากเมาส์ไปยังจุดปลายสุดที่ต้องการ
วิธีการวาดเส้น
Trend Line
1)
คลิกไอคอน Freehand
Trend Line.
2)
คลิกเมาส์ซ้ายจากจุดเริ่มต้นที่ต้องการ
3)
ลากเมาส์ไปยังจุดปลายสิ้นสุดที่ต้องการ
4)
จะปรากฎเส้น Trend line ขึ้น
5) คลิกเมาส์ซ้ายซ้ำที่จุดสิ้นสุดที่ต้องการ
2.
Horizontal Line
วิธีการวาดเส้น
Trend Line แบบแนวนอน
1)
คลิกไอคอน Horizontal
Line
2)
คลิกเมาส์ซ้ายในจุดที่ต้องการ
3.
Trend Channel
Trend Channels ท่านสามารถสร้างเส้นแนวรับ-ต้านตามต้องการด้วยการวาดเส้นแบบคู่ขนาน (Parallel)
วิธีการวาดเส้น
Channel Lines
1)
คลิกไอคอน Trend
Channel
2)
คลิกเมาส์ซ้ายจากจุดเริ่มต้นที่ต้องการ
3)
ลากเมาส์ไปยังจุดปลายสิ้นสุดที่ต้องการ
4) จากนั้นให้ลากเมาส์ไปยังจุดที่ต้องการอีกจุดนึง
เพื่อทำการวาดเส้นคู่ขนานกับเส้นหลัก
5) คลิกเมาส์ซ้ายอีกครั้งหนึ่งเพื่อวางเส้นคู่ขนาน
4. Speed
Lines
Speed Lines เป็นรูปแบบการวิเคราะห์แนวโน้มการขึ้นลง
โดยวัดอัตราการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของแนวโน้ม (อัตราเร่ง)
วิธีการวาดเส้น Speed Lines
1)
หาจุดสูงสุดหรือต่ำสุดของแนวโน้ม
2)
คลิกไอคอน Speed
Lines
3)
กำหนดจุดเริ่มต้นและคลิกเมาส์ซ้ายจากจุดเริ่มต้น
4)
ลากเมาส์ไปยังจุดสูงสุดหรือต่ำสุด
5)
คลิกเมาส์ซ้ายที่จุดสิ้นสุดที่ต้องการเพื่อล็อก
Speed Lines
5.
Andrews Pitchfork
Andrews' Pitchfork เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่นิยมอีกตัวหนึ่งในรูปแบบวิธี
Median Line (ML) ซึ่งถูกพัฒนาโดย Dr.Alan Andrew ซึ่งวิธีการนี้มี 3 จุดราคาที่มีนัยะสำคัญ คือ
กำหนดจุดเริ่มต้นจุดแรกของแนวโน้มราคากำหนดให้เป็นจุด A, จุด
B และสร้างเส้น Median Line เพื่อวาดกรอบการเคลื่อนที่ของราคา
วิธีการวาด Andrews' Pitchfork
1) ระบุจุดเริ่มต้น A (จุดสูงสุด), B (จุดต่ำสุด), and C (จุดราคา)
2) คลิกไอคอน Andrews Pitchfork.
3)
กำหนดจุดเริ่มต้น
A และคลิกเมาส์ซ้ายจากจุดเริ่มต้น
4) เลื่อนเมาส์ไปยังจุด B และคลิกเมาส์ซ้ายที่จุด B
5) เลื่อนเมาส์ไปยังจุด C
6) จะปรากฎเส้น Median Line
7)
คลิกเมาส์ซ้ายที่จุดสิ้นสุดที่ต้องการเพื่อล็อก
Andrews' Pitchfork
6.
Fibonacci
การวิเคราะห์แบบ Fibonacci
เป็นลำดับตัวเลขอนุกรม ที่ถูกค้นพบโดย Leonardo
Fibonacci นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาเลียน
ซึ่งเกิดจากการที่เขาได้สังเกต
และศึกษาปรากฎการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ เช่น รูปแบบของฟ้าแลบ รูปแบบของผลไม้ต่างๆ
และรูปแบบของเปลือกหอยทาก เป็นต้น โดยพบว่าปรากฎการณ์เหล่านั้นมีรูปแบบปกติ
และค่อนข้างสม่ำเสมอ
โดยได้นำมาคิดเป็นตัวเลขทางคณิตศาสตร์
คือ เกิดจากการนำตัวเลข 2 ตัวหน้ามาบวกกัน
เช่น 1 + 1 = 2, 1 + 2 = 3, 2 + 3 = 5, 3 + 5 = 8 และต่อๆ ไป
แต่สิ่งที่ทำให้ต้องพิศวงยิ่งไปกว่านั้นคือ
ลำดับฟิโบนาซี่ตั้งแต่ตัวเลขค่าที่สี่เป็นต้นไป
มีอัตราส่วนจากการหารตัวเลขลำดับหลังด้วยตัวเลขลำดับหน้า เช่น 5 หารด้วย 3, 8 หารด้วย
5, 13 หารด้วย8, 21 หารด้วย 13 ได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงเลข 1.618 และเมื่อตัวเลขเพิ่มขึ้น
ผลลัพธ์ที่ได้จะยิ่งใกล้เคียง 1.618 เป็นลำดับ Leonardo จึงเรียกชื่อตัวเลข 1.618 นี้เป็นภาษากรีกโบราณว่า ฟี (Phi) หรืออัตราส่วนทองคำ
(Golden ratio) ดังตารางด้านล่าง
จากตัวเลข Fibonacci ด้านบน
จึงทำให้มีการประยุกต์นำมาใช้ในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น
ที่เชื่อว่ามีการเคลื่อนไหวในรูปแบบที่ค่อนข้างแน่นอน เพื่อนำไปใช้ค้นหาแนวโน้มแนวต้าน
แนวรับ สัญญาณซื้อและขายของราคาหุ้น เช่น หากราคาตกลงมาเป็นสัดส่วนเท่าไหร่แล้ว
ก็จะมีการเด้งกลับเท่ากลับสัดส่วนที่ตกลงมา
กลุ่มของเครื่องมือ
Fibonacci ประกอบด้วย
Fibonacci
Retracements คือ
การหาจุดแนวรับและแนวต้านเส้นขนานแบบแนวนอน เพื่อหาราคาเป้าหมาย โดยใช้ตัวเลข Fibonacci
number เป็นเป้าหมายในแต่ละระดับ
ตัวอย่างแนวโน้มขึ้น
หากดูจากภาพด้านบนจะเห็นว่ากราฟราคาทองคำมีลักษณะเป็นแนวโน้มขึ้น (ราคาขึ้นต่อเนื่อง ย่อตัวลง
แล้วเด้งขึ้นต่อ) ท่านสามารถหาเป้าขาย โดยใช้เครื่องมือ
Fibonacci Retracements เพื่อคำนวณหาแนวรับ แนวต้านได้โดย
ขั้นที่ 1: เริ่มจากการสร้างจุดสูงสุด และจุดต่ำสุดของช่วงราคา ดังภาพด้านล่าง
·
สร้างจุด A เป็นจุดสูงสุด
(จุดเริ่มต้นค่าฟิโบนาซี่จะเท่ากับ 0%)
·
สร้างจุด B เป็นจุดต่ำสุด
(จุดต่ำสุดค่าฟิโบนาซี่จะเท่ากับ 100%)
ขั้นที่ 2: เมื่อกำหนดจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดได้แล้ว
จะปรากฎเส้นแบ่งช่องว่างระหว่างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดตามระดับ Fibonacci
Retracements (อัตราส่วนตัวเลขฟิโบนาซี่)
จากภาพด้านล่างจะเห็นว่าราคามีการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบจุด A ที่ทำหน้าที่เป็นแนวต้านและจุด
B ที่ทำหน้าที่เป็นแนวรับ
ขั้นที่ 3: จากกราฟราคาด้านล่างสามารถวิเคราะห์หาแนวรับ แนวต้านได้ดังนี้
ตัวอย่างแนวโน้มลง
จากภาพกราฟราคาทองด้านบนจะเห็นว่า
กราฟราคาเป็นแนวโน้มลง (ราคาลงต่อเนื่อง
เด้งขึ้น แล้วย่อตัวลงต่อ) ท่านสามารถหาเป้าซื้อโดยใช้เครื่องมือ
Fibonacci Retracements เพื่อคำนวณหาแนวรับ แนวต้านได้โดย
ขั้นที่ 1: เริ่มจากการสร้างจุดต่ำสุด และจุดสูงสุดของช่วงราคา ดังภาพด้านล่าง
·
สร้างจุด A เป็นจุดต่ำสุด (จุดเริ่มต้นค่าฟิโบนาซี่จะเท่ากับ 0%)
·
สร้างจุด B เป็นจุดสูงสุด (จุดสูงสุดค่าฟิโบนาซี่จะเท่ากับ 100%)
ขั้นที่ 2: เมื่อกำหนดจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดได้แล้ว
จะปรากฎเส้นแบ่งช่องว่างระหว่างจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดตามอัตราส่วนตัวเลขฟิโบนาซี่
จากภาพด้านล่างจะเห็นว่าราคามีการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบจุด A ที่ทำหน้าที่เป็นแนวรับและจุด
B ที่ทำหน้าที่เป็นแนวต้าน
ขั้นที่
3: วิเคราะห์แนวรับ
แนวต้านของกราฟราคาได้ดังนี้
ในทางกลับกันหากราคาสามารถทะลุผ่าน
High ได้
ท่านต้องเปลี่ยนการลากเส้น Fibonacci จากแนวโน้มขาลงมาเป็นแบบขาขึ้นแทน
โดยกำหนดให้จุดสูงสุด (จุดเริ่มต้นเท่ากับ 0%) และจุดต่ำสุด
(จุดต่ำสุดเท่ากับ 100%)
วิธีการวาดเส้น Fibonacci
Retracements
1.
คลิกไอคอน Chart
บนแถบเครื่องมือ
2.
พิมพ์ Symbol ที่ต้องการ
แล้วกดปุ่ม Enter
3.
คลิกไอคอน เพื่อแสดงคำสั่งที่ซ่อนอยู่
4.
คลิกไอคอน Fibonacci แล้วคลิกที่
Retracements
5.
คลิกเมาส์ซ้ายที่จุดเริ่ม A (จุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุด ขึ้นอยู่กับการหาแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง)
6.
ลากเมาส์ไปยังจุดสิ้นสุด B (จุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุด ขึ้นอยู่กับการหาแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง) และคลิกเมาส์ซ้ายอีกครั้งหนึ่ง
7.
จะปรากฎเส้น Retracements
พร้อมอัตราส่วนตัวเลขฟิโบนาซี่และราคาเป้าหมาย
การเพิ่มเส้น Mirror และ Repeat บนเครื่องมือ Fibonacci Retracements
อัตราส่วนตัวเลข Fibonacci Retracements บนโปรแกรม Aspen for Browser ประกอบด้วย
0.00%, 23.60%, 38.20%,
50.00%, 61.80%, 76.40% และ 100% ตามลำดับ
หากต้องการเพิ่มเส้นอัตราส่วนเพื่อหาราคาเป้าหมายในอนาคต
ท่านสามารถใช้คำสั่ง Mirror,
Repeat ได้จากไอคอน Properties บนแถบเครื่องมือ
คำสั่ง Mirror คือ การเพิ่มเส้นสะท้อน
ลักษณะเส้นที่ได้จะสะท้อนเหมือนกระจกเงา
คำสั่ง Repeat คือ การเพิ่มเส้น Fibonacci
Retracements ที่มากกว่า 100%
วิธีการเพิ่มเส้น Mirror, Repeat บนเครื่องมือ Fibonacci Retracements
1. สร้างเส้น Fibonacci Retracements บนกราฟราคา
2. คลิกไอคอน เพื่อแสดงคำสั่งที่ซ่อนอยู่
3. คลิกไอคอน Properties
4.
จะปรากฎหน้าต่าง Channel
Line Properties ขึ้นมา
5.
ถ้าต้องการเพิ่มเส้น Mirror ให้คลิกในกรอบสี่เหลี่ยมให้เกิดเครื่องหมายถูกหน้า Mirror จะปรากฎเส้นอัตราส่วน Fibonacci Retracements เพิ่มขึ้นดังภาพ
6.
ถ้าต้องการเพิ่มเส้น Repeat ให้คลิกในกรอบสี่เหลี่ยมให้เกิดเครื่องหมายถูกหน้า Repeat จะปรากฎเส้นอัตราส่วน Fibonacci Retracements เพิ่มขึ้นดังภาพ
การวาด Fibonacci Arc
1) ระบุจุดเริ่มต้น A (จุดสูงสุด), B (จุดต่ำสุด)
2) คลิกไอคอน Fibonacci
และเลือกไอคอน
Arc
3) คลิกเมาส์ซ้ายที่จุดเริ่ม A (จุดสูงสุด)
4) ลากเมาส์ไปยังจุดสิ้นสุด B (จุดต่ำสุด) และคลิกเมาส์ซ้าย
5) จะปรากฎเส้น Arc ขึ้น
การวาด
Fibonacci Fan
1)
ระบุจุดเริ่มต้น A (จุดต่ำสุด), B (จุดสูงสุด)
2) คลิกไอคอน Fibonacci
และเลือกไอคอน
Fan
3)
คลิกเมาส์ซ้ายที่จุดเริ่ม
A (จุดต่ำสุด)
4)
ลากเมาส์ไปยังจุดสิ้นสุด
B (จุดสูงสุด) และคลิกเมาส์ซ้าย
5) จะปรากฎเส้น Fan
ขึ้น
Fibonacci
Time Zones คือ
การสร้างเส้นฟิโบนาซี่แบบแนวตั้ง โดยแบ่งเป็นช่วงระยะเวลาตามลำดับตัวเลข Fibonacci (0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21
) เพื่อคาดการณ์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของราคาว่าจะไปในทิศทางใด
อาจดำเนินต่อตามแนวโน้มเดิมหลังจากมีการชะลอตัว
หรืออาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อราคาวิ่งเข้าใกล้หรือตรงกับเส้นแบ่งช่วงเวลา
วิเคราะห์แนวโน้มจากจุดต่ำสุด
(ฐาน)
จากภาพด้านบน
ท่านสามารถหาแนวโน้ม SET ด้วยเครื่องมือ
Fibonacci Time Zones เพื่อดูว่าราคาจะวิ่งไปในทิศทางเดิม
หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงดังนี้
ขั้นที่
1: กำหนดจุดเริ่มต้นของเส้น Fibonacci
Time Zones ที่จุดต่ำสุดของแนวโน้ม
ขั้นที่ 2: เมื่อกำหนดจุดต่ำสุดแล้ว จะปรากฎเส้นแบ่งช่วงระยะเวลาตามตัวเลข Fibonacci
(ลำดับตัวเลขฟิโบนาซี่)
ซึ่งแต่ละจุดของ Fibonacci
Time Zones จะเท่ากับลำดับตัวเลข Fibonacci ดังรายละเอียดตารางด้านล่าง
ขั้นที่ 3: จากภาพด้านล่างสามารถวิเคราะห์ Fibonacci Time Zones แบบช่วงเวลาที่ราคามีการปรับตัวสร้างจุดฐานที่สำคัญได้ดังนี้
วิเคราะห์แนวโน้มจากจุดสูงสุด
(ยอด)
จากภาพด้านบน สามารถหาแนวโน้ม SET ด้วยเครื่องมือ Fibonacci Time
Zones เพื่อดูว่าราคาจะวิ่งไปในทิศทางเดิม
หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงดังนี้
ขั้นที่ 1: กำหนดจุดเริ่มต้นของเส้น Fibonacci Time Zones ที่จุดสูงสุดของแนวโน้ม
ขั้นที่ 2: เมื่อกำหนดจุดสูงสุดของช่วงราคาได้แล้ว
จะปรากฎเส้นแบ่งช่วงระยะเวลาตามตัวเลข Fibonacci (ลำดับตัวเลขฟิโบนาซี่)
ขั้นที่
3: จากภาพด้านล่างสามารถวิเคราะห์
Fibonacci Time Zones แบบช่วงเวลาที่ราคามีการปรับตัวสร้างจุดฐานที่สำคัญได้ดังนี้
วิธีการวาดเส้น Fibonacci
Time Zones
1. คลิกไอคอน Chart
บนแถบเครื่องมือ
2. พิมพ์ Symbol ที่ต้องการ แล้วกดปุ่ม Enter
3. คลิกไอคอน เพื่อแสดงคำสั่งที่ซ่อนอยู่
4. คลิกไอคอน Fibonacci แล้วคลิกที่
Single-Bar
Time Zones
5. คลิกเมาส์ซ้ายที่จุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุด
6. จะปรากฎเส้น Time Zones พร้อมลำดับตัวเลขฟิโบนาซี่
Fibonacci
Custom Time Zones ช่วยให้ท่านสามารถกำหนดช่วงเวลาได้ด้วยตนเอง
การวาด Fibonacci Fan
1) ระบุจุดเริ่มต้น A (จุดสูงสุด), B (จุดต่ำสุด)
2)
คลิกไอคอน Fibonacci
และเลือกไอคอน
Custom
Time Zones.
3) คลิกเมาส์ซ้ายที่จุดเริ่ม A (จุดสูงสุด)
4) ลากเมาส์ไปยังจุดสิ้นสุด B (จุดต่ำสุด) และคลิกเมาส์ซ้าย
5)
จะปรากฎเส้น Fibonacci Custom Time Zones ขึ้น
เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการพยากรณ์แนวรับ-ต้าน เพื่อวิเคราะห์ราคาเป้าหมาย
ซึ่งท่านต้องกำหนดจุด 3 จุด คือ จุดต่ำสุด, จุดสูงสุด
และจุดกลับตัว (หรือที่จุดราคาปัจจุบัน)
ทิศทางแนวโน้มขาขึ้นให้กำหนดจุดต่ำสุดไปยังจุดสูงสุดและจุดราคาปัจจุบัน
ในทางกลับกันหากท่านต้องการหาแนวโน้มขาลงให้กำหนดจุดสูงสุดไปยังจุดต่ำสุดมาให้จุดราคาปัจจุบัน
การวาด Fibonacci Projections
1)
แนวโน้มขึ้น: ระบุจุดเริ่มต้น A
(การแกว่งตัวจุดต่ำสุด), จุด B (การแกว่งตัวจุดสูงสุด)
และจุด C (จุดกลับตัว/ราคาปัจจุบัน) หากท่านต้องการหาแนวโน้มลง ให้สร้างวิธีการตรงกันข้าม
2)
คลิกไอคอน Fibonacci
และเลือกไอคอน
Projection
3) คลิกเมาส์ซ้ายที่จุดเริ่ม A
4) ลากเมาส์ไปยังจุด B
และคลิกเมาส์ซ้าย
5)
ลากเมาส์ไปยังจุด
C และคลิกเมาส์ซ้ายบนจุด B
6) จะปรากฎเส้น Fibonacci
Projection ขึ้น
7.
Annotate Chart
เครื่องมือ Annotation ช่วยให้ท่านวางข้อความลงบนกราฟ
วิธีการสร้าง Annotate
Chart
1)
คลิกไอคอน Annotate
Chart
2)
ลากเมาส์ไปยังจุดที่ต้องการวางข้อความบนกราฟ
3)
คลิกเมาส์ซ้าย
จะปรากฎกรอบให้ใส่ข้อความ
4)
พิมพ์ข้อความที่คุณต้องการลงบนกราฟ
หมายเหตุ: กด Enter คือการขึ้นบรรทัดใหม่
5)
กด Ctrl + Enter เมื่อพิมพ์ข้อความเสร็จเรียบร้อยแล้ว
6)
การปรับแต่ง Properties ของ Annotate Chart
properties คลิกไอคอน Properties
8.
Call Out
เครื่องมือ Callout ช่วยในการสร้างกล่องข้อความเพื่อบอกรายละเอียดของแต่ระดับราคา
หรือเหตุการณ์สำคัญๆ ของตลาดหุ้นบนกราฟ
การสร้าง Callout
1)
คลิกไอคอน Call Out
2)
กำหนดจุดที่ต้องการและคลิกเมาส์ซ้าย
3)
ลากเมาส์ไปยังบริเวณที่ต้องการ
และคลิกเมาส์ซ้ายเพื่อพิมพ์ข้อความในกล่องข้อความ
หมายเหตุ: กด Enter คือการขึ้นบรรทัดใหม่
4)
กด Ctrl + Enter เมื่อพิมพ์ข้อความเสร็จเรียบร้อยแล้ว
5)
การปรับแต่ง Properties
ของ Call out คลิกไอคอน Properties
9. Delete Selected Object
การลบ Trend Line หรือวัตถุที่สร้างขึ้น
1)
คลิกไอคอน Pointer
Tool
2)
เลื่อนเมาส์ไปยังเส้น
Trend Line หรือวัตถุที่ต้องการลบและคลิกเมาส์ซ้าย
3)
คลิกไอคอน Delete
Selected Object หรือกดปุ่ม
Delete บนคีย์บอร์ด
10. Delete All Objects
การลบ Trend Line หรือวัตถุที่สร้างขึ้นทั้งหมดในครั้งเดียว
1)
คลิกไอคอน Pointer
Tool
2)
คลิกไอคอน Delete All
Objects หรือกดปุ่ม Delete
บนคีย์บอร์ด
3)
หน้าต่าง Delete All Objects
จะปรากฎขึ้น
4) คลิก OK
11.
Pointer Tool
เครื่องมือ Pointer ช่วยในการเคลื่อนย้าย, คัดลอก Trend Line, ข้อความและวัตถุต่างๆ
12. Pivoting Trend Lines
การใช้ Pivot กับ Trend Line
1)
คลิกไอคอน Pointer
Tool
2)
คลิกที่เส้น Trend Line จะปรากฎวงกลมสีวาดที่จุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของเส้น
Trend Line นั้น
3)
คลิกเมาส์ซ้ายบนเส้น
Trend Line และลากเมาส์ยังจุดเริ่มหรือจุดสิ้นสุดของเส้น
Trend Line
4)
คลิกเมาส์ซ้ายอีกครั้งหนึ่งเพื่อทำการล็อกเส้น
Trend Line
13. Moving
Objects
การเคลื่อนย้ายวัตถุ
1) คลิกไอคอน Pointer
Tool.
2) คลิกวัตถุที่ต้องการย้าย สัญลักษณ์ของเมาส์จะเปลี่ยนเป็นรูป
3) คลิกเมาส์ซ้ายค้างไว้และลากวัตถุไปยังที่ต้องการ
4)
เมื่อย้ายวัตถุไปยังที่ต้องการเรียบร้อยแล้วให้ท่านคลิกเมาส์ซ้ายอีกครั้งหนึ่ง
14. Copying Objects
การคัดลอกวัตถุ
ให้ทำวิธีเดียวกับการย้ายวัตถุ ข้อ 13 (ขั้นตอนที่ 1-3)
โดยขั้นตอนสุดท้ายให้คลิกเมาส์ซ้ายค้างไว้พร้อมกับกดปุ่ม Ctrl
15. Price Snap
Price Snap ช่วยให้การสร้าง Trend Line ใกล้กับเส้นกราฟราคามากที่สุด
ท่านสามารถยกเลิก/เรียกใช้คำสั่ง โดยคลิกไอคอน Price Snap
16. Grid Lines
เพื่อช่วยซ่อนหรือแสดงเส้นตาราง
(Grid lines) โดยคลิกไอคอน Grid Lines
17. Properties
แสดง Properties
ของกราฟหรือ Object ในวินโดวส์กราฟ
1) Chart Properties
Scale Tab
สเกลราคา (แนวตั้ง) สามารถเลือกตั้งค่าได้ดังนี้
คำสั่ง |
รายละเอียด |
Linear |
แกนราคาตามจริง |
Log |
แกนราคาแบบ Logarithm |
Percent Change |
แกนราคาแบบเปอร์เซนต์การเปลี่ยนแปลง |
สเกลเวลา
(แนวนอน) สามารถเลือกตั้งค่าได้ดังนี้
คำสั่ง |
รายละเอียด |
Width |
การตั้งค่าจำนวนเวลาใน 1 แท่งกราฟ เช่น ราย Tick, รายนาที หรือรายวัน เป็นต้น |
|
การเปลี่ยนค่าของ Width เช่น ต้องการให้ 1 แท่งกราฟเท่ากับ
5 นาที เป็นต้น |
Percent Change |
แกนราคาแบบเปอร์เซนต์การเปลี่ยนแปลง |
Data Tab
คำสั่ง |
รายละเอียด |
Display bars for day session |
แสดงข้อมูล Day Session |
Display bars for night session |
แสดงข้อมูล Night
Session |
Remove gaps in chart |
ลบช่องว่าง (Gap) ในกราฟ |
2)
Trend Line/Drawing Object Properties
คลิกบนเส้น Trend Line หรือบน Object ที่ต้องการแก้ไขการตั้งค่า Properties โดยคลิกไอคอน Properties บนแถบเครื่องมือ
|
|
||
|
|
|
|